โรงงานควรใช้ท่อลมร้อน ขนาดไหนการเลือกขนาดท่อลมร้อนที่เหมาะสมสำหรับโรงงานนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งปัจจัยหลักๆ ที่ต้องพิจารณามีดังนี้:
1. ปริมาณลมที่ต้องการระบาย
คำนวณปริมาณลม: ต้องทราบปริมาณลมที่ต้องการระบายออก หรือนำเข้ามาในโรงงานต่อหน่วยเวลา (ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หรือ CFM) ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ ประเภทของกิจกรรมในโรงงาน และจำนวนพนักงาน
ประเภทของกิจกรรม: กิจกรรมบางประเภท เช่น งานเชื่อม งานพ่นสี หรืองานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี จะต้องการปริมาณการระบายอากาศที่มากกว่ากิจกรรมทั่วไป
2. ความยาวและรูปแบบของท่อ
ระยะทาง: ยิ่งระยะทางของท่อลมยาวขึ้นเท่าไร ขนาดของท่อลมก็ควรใหญ่ขึ้น เพื่อลดการสูญเสียแรงดัน
รูปแบบท่อ: การโค้งงอหรือการหักมุมของท่อลม จะทำให้เกิดการสูญเสียแรงดันมากขึ้น ควรออกแบบท่อลมให้มีการโค้งงอให้น้อยที่สุด
3. แรงดันของอากาศ
แรงดันที่ต้องการ: ต้องทราบแรงดันของอากาศที่ต้องการในระบบระบายอากาศ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของพัดลมและลักษณะการใช้งาน
การสูญเสียแรงดัน: ควรคำนวณการสูญเสียแรงดันในท่อลม เพื่อเลือกขนาดท่อลมที่เหมาะสม
4. อุณหภูมิของอากาศ
อุณหภูมิอากาศ: อากาศร้อนจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศเย็น ทำให้ต้องใช้ท่อลมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อระบายอากาศร้อนในปริมาณที่เท่ากัน
5. ประเภทของท่อลม
วัสดุ: เลือกวัสดุของท่อลมที่เหมาะสมกับอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมในโรงงาน เช่น ท่อโลหะ ท่อผ้าใบ หรือท่อ PVC
ความทนทาน: เลือกท่อลมที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อน สารเคมี และสภาพอากาศ
6. งบประมาณ
ค่าใช้จ่าย: พิจารณาค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ ติดตั้ง และบำรุงรักษาท่อลม
คำแนะนำเพิ่มเติม
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านระบบระบายอากาศ เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกขนาดท่อลมที่เหมาะสมกับโรงงานของคุณ
มาตรฐาน: ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบระบายอากาศในโรงงานของคุณ
โดยทั่วไปแล้ว โรงงานขนาดใหญ่ที่มีกิจกรรมที่ต้องการการระบายอากาศปริมาณมาก จะใช้ท่อลมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 10 นิ้วขึ้นไป