รถยนต์พลังงานไฟฟ้า คืออะไร
ก่อนที่จะไปอ่าน รีวิว รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี 2023 นั้น ควรต้องทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าก่อนว่าคืออะไร มีระบบในการทำงานอย่างไร สรุปง่าย ๆ คือ รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยการใช้พลังงานที่เก็บอยู่ในตัวในแบตเตอรี่ หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้นั้นจะต้องมีเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่ปล่อยมลพิษในอากาศ ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงในการรักษารถยนต์ ตอบโจทย์ยุคนี้ที่ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท
ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ประเภท โดยแบ่งตามระบบการใช้งาน ดังนี้
1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด หรือ Hybrid Electric Vehicle (HEV) รถยนต์มีระบบการขับเคลื่อนด้วยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสมกับพลังงานไฟฟ้า โดยระบบจะเลือกทำงานให้เองอัตโนมัติ หรือบางครั้งระบบก็อาจจะดึงพลังงานจากทั้งน้ำมันและไฟฟ้ามาใช้ แต่ส่วนใหญ่แล้วช่วงที่รถยนต์สตาร์ท หรือรถยนต์ได้ออกตัวไปสักระยะ 2-3 กิโลเมตร ระบบจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ แต่ถ้ากรณีที่รถยนต์หยุดนิ่งหรือติดไฟแดงนั้น ระบบจะสลับเปลี่ยนมาดึงพลังงานไฟฟ้ามาใช้แทนนั่นเอง
2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด หรือ Plug-in Hybrid (PHEV) รถยนต์ประเภทนี้มีลักษณะการทำงานที่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด โดยการทำงานที่จะผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ นั่นก็หมายความว่าสามารถใช้งานได้ทั้งแบบเติมน้ำมันหรือพลังงานไฟฟ้า ถ้าหากเลือกใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าก็จะใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียง 4-5 ชั่วโมง สามารถเสียบเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้จากที่บ้าน หรือที่สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
3. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (BEV) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ก็จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ไม่ต้องเติมน้ำมันเพื่อไว้สลับการใช้งาน จึงมั่นใจได้เลยว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแน่นอนเพราะไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศ สำหรับใครที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ แนะนำให้ซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าติดไว้ที่บ้าน ซึ่งจะใช้เวลาการชาร์จประมาณ 6-8 ชั่วโมง และยังมีระบบการชาร์จเร็วซึ่งใช้เวลาแค่ 2-4 ชั่วโมง ทั้งนี้ รถยนต์วิ่งได้ไกลประมาณ 300 กิโลเมตรขึ้นไป
4. รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV) รถยนต์ประเภทนี้ระบบการทำงานจะผลิตพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรงจากไฮโดรเจน โดยไฮโดรเจนนี้จะถูกเก็บในรูปแบบของเหลว จากนั้นก็ส่งโฮโดนเจนเหลวและออกซิเจนไปยังแผงเซลล์ เพื่อให้แปลงเป็นกระแสไฟฟ้าแล้วกักเก็บไว้ในแบตเตอรี่ แล้วพลังงานไฟฟ้าก็ถูกส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนได้นั่นเอง
รถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดียังไงทำไมน่าซื้อมาใช้
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าว่าดีอย่างไร และวันนี้เราได้รวบรวมข้อดีต่าง ๆ มาบอกกัน เพื่อช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดีไหม มาดูกัน
1. รถยนต์ไฟฟ้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการขับเคลื่อนของรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน หรือก๊าซในการเผาไหม้ จึงทำให้ไม่ปล่อยไอเสียหรือก๊าซเรือนกระจกออกมาเลย อากาศจึงไม่เป็นมลพิษ
2. ช่วยลดมลพิษทางเสียง ด้วยกลไกในการขับเคลื่อนของรถยนต์ ที่ไม่ต้องใช้การจุดระเบิดเพื่อเผาไหม้ ก็ทำให้เวลาสตาร์ทหรือขับรถยนต์แล้วเสียงจะไม่ค่อยดังมากนัก ถ้าเทียบกับรถยนต์ทั่วไป
3. เซฟเงินในกระเป๋าได้มากทีเดียว เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% นั้น ไม่มีเครื่องยนต์จึงทำให้ไม่ต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในการเผ่าไหม้ ยิ่งช่วงนี้ที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยเซฟเงินได้เยอะมาก ๆ อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเงินไปกับค่าซ่อมบำรุง หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน เพราะว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีระบบการทำงานที่ไม่มาก จึงไม่ต้องคอยบำรุงรักษาบ่อย
4. มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงกว่า เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงมีแรงบิดมากกว่าตั้งแต่เริ่มสตาร์ทรถยนต์ ทำให้สามารถเร่งเคลื่อนได้ดีกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
5. ไม่ต้องเสียเวลาขับรถยนต์ไปเติมน้ำมัน เพราะที่บ้านสามารถเปลี่ยนเป็นสถานีชาร์จแบตเตอรี่ได้ เพียงแค่มีเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หากบ้านใครมีพื้นที่แนะนำให้ออกแบบโรงจอดรถเพื่อจะได้ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ โดยสามารถชาร์จได้ในช่วงกลางคืน พอตื่นเช้ามารถยนต์ไฟฟ้าจะได้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ทันที
รถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดียังไงทำไมน่าซื้อมาใช้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/?fuel_type=4078&quicksearch_order=306,DESC-326,ASC